บทที่
2
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ หมายถึง
เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติทำหน้าที่เสมือนสมองกลใช้สำหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ
ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์
1.ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์
1.1 การปฏิบัติงานอัตโนมัติ
(self acting) เป็นความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์ ในการประมวลผลข้อมูลตามลำดับคำสั่ง
ได้อย่างถูกต้อง ต่อเนื่อง โดยอัตโนมัติ
ตามคำสั่งและขั้นตอนที่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นผู้กำหนดไว้
1.2 ความเร็ว (speed)
เป็นความสามารถในการประมวลผลข้อมูลภายในเวลาที่สั้นที่สุด
ความเร็วในการประมวลผลจะเป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์
ความเร็วในการประมวลผลจะถูกกำหนดโดยหน่วยประมวลผลในซีพียู
ซึ่งคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถประมวลผลได้มากกว่าล้านคำสั่งต่อวินาที
1.3 การจัดเก็บข้อมูล
(storage) เป็นความสามารถในการเก็บข้อมูลในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถจัดเก็บได้เป็นจำนวนมากและสามารถเก็บได้เป็นระยะเวลานาน
1.4 ความน่าเชื่อถือ
(reliability) เป็นความสามารถที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมคำสั่งและข้อมูล
เพื่อกำหนดความน่าเชื่อถือของคอมพิวเตอร์ นั่นคือ
ถ้าป้อนคำสั่งหรือใช้ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ก็อาจจะได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร
1.5 ความถูกต้องแม่นยำ
(accuracy)
เป็นความถูกต้องแม่นยำของการคำนวณของเครื่องคอมพิวเตอร์
1.6 การทำงานซ้ำ ๆ (repeatability)
เป็นความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถวนทำงานคำสั่งซ้ำๆ
ได้ ขึ้นกับโปรแกรมที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ทำให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น
1.7 การติดต่อสื่อสาร
(communication) เป็นความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถวนทำงานซ้ำๆ
ได้ ขึ้นกับโปรแกรมที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ทำให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น
2.
หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
2.1 มีการรับข้อมูลคำสั่งเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านหน่วยรับข้อมูล/คำสั่ง
2.2 ข้อมูลจะถูกส่งต่อไปยังหน่วยประมวลผลกลางเพื่อทำการประมวลผลตามคำสั่งที่ตั้งไว้
2.3 ในขณะที่ทำการประมวลผลหน่วยความจำหลักและทำหน้าที่เก็บคำสั่งต่างๆ
ในการประมวลผล
2.4 เมื่อประมวลผลเสร็จแล้ว
ผลลัพธ์จะถูกเก็บที่หน่วยความจำสำรอง
2.5
หน่วยแสดงผลทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์จากการประมวลผล
ประเภทของคอมพิวเตอร์
แบ่งตามสมรรถนะและประสิทธิภาพในการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นหลัก
แบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์ ได้ดังนี้
1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะในการทำงานสูงกว่าคอมพิวเตอร์แบบอื่นๆ
สามารถคำนวณตัวเลขที่มีจุดทศนิยมด้วยความเร็วสูงขนาดหลายร้อยล้านคำสั่ง/วินาที
เหมาะกับงานที่มีการคำนวณมากๆ เช่น งานวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียม
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงมากถัดจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์
สามารถประมวลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วหลายสิบล้านคำสั่ง/วินาที
เหมาะกับการใช้งานด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และธุรกิจ
โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับข้อมูลมาก ๆ เช่น งานธนาคาร
3. มินิคอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะต่ำกว่าเครื่องเมนเฟรม
ทำงานได้ช้ากว่า ควบคุมอุปกรณ์รอบข้างได้น้อยกว่าและราคาก็ถูกกว่าเครื่องเมนเฟรม
4. ไมโครคอมพิวเตอร์
ไมโครคอมพิวเตอร์
นิยมเรียกอีกอย่างว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก
ในปัจจุบันมีการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอย่างแพร่หลาย
เนื่องจากราคาของเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่แพงรวมถึงประสิทธิภาพในการทำงานสูง
สามารถจำแนกคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลตามขนาดของเครื่องและลักษณะของการใช้งาน
ได้ดังนี้คือ คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ และคอมพิวเตอร์แบบพกพา
การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์
มีหลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์
เพื่อนำมาใช้งาน
มีดังนี้
1. คำนึงถึงวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลัก
2.
งบประมาณ
3. ทำการพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ
ของคอมพิวเตอร์เพื่อประกอบการซื้อ ได้แก่
3.1 ความเร็วของซีพียูหรือหน่วยประมวลผล
3.2 ความจุของแรม
3.3 ความจุของฮาร์ดดิสก์
3.4 พอร์ตในการเชื่อมต่ออุปกรณ์
3.5 อุปกรณ์ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
3.6
หน้าจอแสดงผล
3.7 บริการหลังการขายและการรับประกันตัวเครื่องคอมพิวเตอร์
3.8 ในส่วนของการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์แบบพกพา
สิ่งที่ต้องพิจารณา เพิ่มด้วยคือ
ระยะเวลาในการใช้งานของแบตเตอรี่
การบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์
1.
ทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยผ้าแห้งทุกครั้ง
2.
ต้องทำความสะอาดเครื่องขณะที่ปิดเครื่องเท่านั้น
3.
ในกรณีที่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ
ควรจัดวางคอมพิวเตอร์ในที่ปลอด โปร่ง
ไม่ควรตั้งในมุมอับ เพราะจะทำให้การระบายความร้อนของพัดลมระบาย อากาศทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
4.
ในกรณีที่ใช้สเปรย์
ไม่ควรฉีดน้ำยาลงที่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง
5.
หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำและกินของขบเคี้ยวใกล้คอมพิวเตอร์
6.
ในกรณีที่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา
ควรจัดหาซอฟต์เคสสำหรับเครื่อง คอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันการกระแทกจากการตกหล่นของเครื่องคอมพิวเตอร์
7.
ยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สำหรับคอมพิวเตอร์แบบพกพา
โดยการปิด โปรแกรมที่ไม่จำเป็นต้องใช้งานทุกครั้ง
ปิดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ เช่น ปิดการใช้ งานบลูทูธ
และปิดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกครั้งเมื่อหยุดใช้งาน